ความร่ำรวยของประเทศสามารถวัดได้หลายวิธี วิธีที่พบบ่อยที่สุดคือการใช้ GDP (ผลิตภัณฑ์มวลรวมในประเทศ) ซึ่งวัดมูลค่าของสินค้าและบริการทั้งหมดที่ผลิตในประเทศในช่วงเวลาหนึ่ง ๆ ประเทศไทยมี GDP คิดเป็นมูลค่าประมาณ 1.6 ล้านล้านดอลลาร์สหรัฐในปี 2023 ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 22 ของโลก หมายความว่าประเทศไทยรวยเป็นอันดับที่ 22 ของโลก
อย่างไรก็ตาม ความร่ำรวยของประเทศยังสามารถวัดได้จากจำนวนมหาเศรษฐีในประเทศ มหาเศรษฐีคือบุคคลที่มีทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ ในปี 2023 ประเทศไทยมีมหาเศรษฐีรวม 52 คน ซึ่งอยู่ในอันดับที่ 10 ของโลก หมายความว่าประเทศไทยมีมหาเศรษฐีมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก
ดังนั้น คำตอบสำหรับคำถามที่ว่า “ประเทศไทยรวยอันดับที่เท่าไรของโลก” ขึ้นอยู่กับว่าจะใช้เกณฑ์อะไรในการวัดความร่ำรวยของประเทศ
หากใช้ GDP ประเทศไทยรวยเป็นอันดับที่ 22 ของโลก หมายความว่าประเทศไทยมีเศรษฐกิจขนาดใหญ่เป็นอันดับที่ 22 ของโลก ประเทศไทยมีภาคเกษตรกรรม ภาคอุตสาหกรรม และภาคบริการที่เติบโตอย่างรวดเร็ว ภาคเกษตรกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจที่สำคัญที่สุดของไทย โดยมีผลผลิตหลัก ได้แก่ ข้าว ยางพารา และผลไม้ ภาคอุตสาหกรรมเป็นภาคเศรษฐกิจที่เติบโตอย่างรวดเร็ว โดยมีอุตสาหกรรมหลัก ได้แก่ ยานยนต์ อิเล็กทรอนิกส์ และเครื่องใช้ไฟฟ้า ภาคบริการเป็นภาคเศรษฐกิจที่ใหญ่ที่สุดของไทย โดยมีบริการหลัก ได้แก่ การท่องเที่ยว การค้า และการเงิน
หากใช้จำนวนมหาเศรษฐี ประเทศไทยรวยเป็นอันดับที่ 10 ของโลก หมายความว่าประเทศไทยมีบุคคลที่มีทรัพย์สินสุทธิมากกว่า 1 พันล้านดอลลาร์สหรัฐมากเป็นอันดับที่ 10 ของโลก มหาเศรษฐีในประเทศไทยส่วนใหญ่มาจากภาคธุรกิจและอุตสาหกรรม บุคคลที่รวยที่สุดในประเทศไทยคือเจ้าสัวธนินท์ เจียรวนนท์ ประธานอาวุโสเครือเจริญโภคภัณฑ์ ซึ่งมีทรัพย์สินสุทธิประมาณ 1.49 พันล้านดอลลาร์สหรัฐ
ต่อไปนี้เป็นตัวอย่างเพิ่มเติมที่แสดงให้เห็นถึงความร่ำรวยของประเทศไทย:
- ประเทศไทยมี GDP ต่อหัวประมาณ 13,000 ดอลลาร์สหรัฐ ซึ่งสูงกว่าหลายประเทศในเอเชียตะวันออกเฉียงใต้
- ประเทศไทยมีอัตราการว่างงานต่ำเพียง 1.6%
- ประเทศไทยมีระบบการศึกษาที่มีคุณภาพสูง
- ประเทศไทยมีระบบสาธารณสุขที่มีประสิทธิภาพ
อย่างไรก็ตาม ประเทศไทยยังมีความท้าทายบางประการในการลดความเหลื่อมล้ำทางรายได้และเศรษฐกิจ ประเทศไทยยังมีคนยากจนจำนวนมากที่อาศัยอยู่ต่ำกว่าเส้นความยากจน